เกี่ยวกับเรา

PSTC Leader in Power Supply Solution
and Renewable Energy

ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา

ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา

                บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (บริษัท”) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2544 โดยบริษัท เอ็ม.วี.ที. คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกลุ่มผู้บริหารแผนกระบบสำรองไฟฟ้าของบริษัท เนื่องจากเล็งเห็นถึงโอกาสและการขยายตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านระบบสำรองไฟฟ้า โดยในช่วงแรกมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายและให้บริการระบบสำรองไฟฟ้า สำหรับระบบสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication Power Backup Solution) ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง ให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จากนั้นบริษัทได้ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยขยายไปในด้านการให้บริการระบบตรวจวัดและจัดการสภาพแวดล้อม (Monitoring and Management Solution) ธุรกิจด้านพลังงานทดแทน (Renewable Energy Solution) และ ธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน (Energy Saving Solution) นอกจากนี้บริษัทได้ขยายการดำเนินงานไปยัง ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน (Renewable Power Plant ) ประกอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power) พลังงานชีวภาพ (Biogas Power) พลังงานชีวมวล (Bio Mass Power) พลังงานขยะ (Waste Power) และ พลังงานลม (Wind Power) โดยบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญ ดังต่อไปนี้

 

ปีพ.ศ.

            เหตุการณ์ที่สำคัญ

2544

  • จดทะเบียนก่อตั้งบริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายและให้บริการระบบสำรองไฟฟ้าสำหรับระบบสื่อสารโทรคมนาคม

2555

  • บริษัททำการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 50 ล้านบาทเป็น 175 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ

2557

  • แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 225 ล้านบาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10บาท) และนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai และเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 หุ้นสามัญของบริษัทได้เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นวันแรก

2559

  • กุมภาพันธ์ 2559 บริษัทเข้าลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท อรัญ เพาเวอร์ จำกัด และบริษัท เศรษฐีสุพรรณ ไบโอกรีน เพาเวอร์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากน้ำเสีย ขนาดกำลังการผลิต เมกะวัตต์ และ    เมกะวัตต์ ตามลำดับที่จังหวัดสุพรรณบุรี

 

  • พฤษภาคมและมิถุนายน 2559 ให้บริษัท พีเอสที เอนเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนซื้อหุ้น ในบริษัท เวลล์ โคราช เอ็นเนอร์ยี จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์   ที่จังหวัดบุรีรัมย์ 

 

  • มิถุนายน 2559 บริษัท พีเอสที เอนเนอร์ยี จำกัด ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทโรงไฟฟ้าสระยายโสม จำกัด   ผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากน้ำเสีย ขนาดกำลังผลิต 4.6 เมกะวัตต์

 

  • สิงหาคม 2559 ลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ในจังหวัดสระแก้ว  และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ในจังหวัด สมุทรสงคราม

2560

  • พฤศจิกายน 2560 บริษัทเข้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (“BIGGAS”) ในสัดส่วน ร้อยละ 51

 

  • ธันวาคม 2560  บริษัท พีเอสที เอนเนอร์ยี 1 จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท) ได้ผ่านการคัดเลือกโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP – Hybrid Firm จำนวน  1 โครงการที่จังหวัดแพร่ กำลังการผลิต  23.42 เมกะวัตต์

2561

  • มกราคม 2561 บริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (BIGGAS) (บริษัทย่อยของบริษัท) เข้าลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท เจเอ็น เอ็นเนอร์จี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (“JN”) ประกอบกิจการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) 2 แห่งที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น

 

  • มีนาคม 2561 บริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (BIGGAS) ได้รับการแต่งตั้ง จากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่นอกแนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติ

 

  • มิถุนายน 2561 บริษัทฯ ได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต (Collective  Action Coalition Against Corruption) (“CAC”)

 

ธันวาคม  2561

  • บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (“TPN”) (บริษัทย่อยของบริษัท) เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,350 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • บริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (BIGGAS) ได้จำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (“TPN”) จำนวน 1,080,002 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้ว ในราคาประมาณ 446 ล้านบาท

2562

  • มกราคม 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีมติให้ความเห็นชอบรายงาน            การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันของบริษัท TPN

 

  • กุมภาพันธ์ 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2562 ได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (“TPN”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่บริษัท ถือหุ้นโดยอ้อมผ่านบริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (“BIGGAS”) โดยได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก  1,350 ล้านบาท เป็น 1,800 ล้านบาท โดยหลังจากการเพิ่มทุนส่งผลให้บริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 93 ของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (“TPN”) จากเดิมที่ร้อยละ 92

 

  • เมษายน 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 7/2562 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท พีเอสที เอนเนอร์ยี จำกัด (บริษัทย่อย) จำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท พีเอสที เอ็มเอสดับบลิว 1 จำกัด (“MSW 1”) จำนวน  2,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียน ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน

 

  • กรกฎาคม 2562 บริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (“BIGGAS”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้รับบันทึกข้อตกลง (MOU) สำหรับโครงการก่อสร้างคลังน้ำมันเชื้อเพลิง ที่นิคมอุตสาหกรรมาบตาพุด จังหวัดระยอง จาก บริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด โดยงานก่อสร้างคลังน้ำมันเชื้อเพลิงความจุ 90 ล้านลิตร มูลค่างานมากกว่า 1,000 ล้านบาท

 

กันยายน  2562

  • ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2562 อนุมัติการเข้าทํารายการลงทุนบริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จํากัด (“BIGGAS”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยบริษัทจะเข้าทํารายการรับโอน หุ้นสามัญของ BIGGAS จํานวน  39,999,998 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49 ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้ว ทั้งหมดของ BIGGAS คิดเป็นมูลค่ารวม 4,263,000,000 บาท (“หุ้นสามัญของ BIGGAS”) จาก บริษัท บีจีที โฮลดิ้ง จํากัด (“BGTH”) ภายใต้กระบวนการโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer หรือ EBT) โดยบริษัทจะชําระค่าตอบแทนสําหรับธุรกรรมการรับโอนกิจการทั้งหมดให้กับ  BGTH ด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัทจํานวน 4,981,094,116 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42 ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเพิ่มทุน โดยกําหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ราคาหุ้นละ 0.86 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,263,000,000 บาท โดยให้แก่ BGTH (Private Placement) เพื่อเป็นค่าตอบแทนธุรกรรมการรับโอน กิจการทั้งหมดแทนการชำระค่าตอบแทนด้วยเงินสด (Payment in Kind)

  • วันที่ 25 กันยายน 2562 บริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด ได้จำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (“TPN”) ให้กับบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (“EGCO”) จำนวน 7,739,998 หุ้น ในราคาหุ้นละ 374.87 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,901.50 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน TPN ลดลงจากร้อยละ 100 เป็นร้อยละ 57 รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจควบคุมส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงจากเงินลงทุนในบริษัทย่อยเป็นเงินลงทุนในการร่วมค้า และในวันเดียวกัน TPN ได้ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 6,500,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 100 บาท โดยแบ่งเป็นจำนวน  3,315,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้กับ BIGGAS และ 3,185,000 หุ้น เสนอขายให้กับ EGCO ซึ่งจากการเพิ่มทุนดังกล่าวส่งผลให้ BIGGAS มีสัดส่วนการถือหุ้นใน  TPN ลดลงจากร้อยละ 57 เป็นร้อยละ 55

 

  • ตุลาคม 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 20/2562 มีมติอนุมัติให้บริษัทจำหน่ายหุ้นของบริษัท ไบโอกรีน เอนเนอร์ยี 7 จำกัด (“BGE 7”) โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 40,425 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท และ หุ้นบุริมสิทธิ์จำนวน 42,075 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ10 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ  100 ของทุนจดทะเบียน โดย BGE 7 ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานชีวภาพ

 

  • พฤศจิกายน 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของบริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 6/2562 มีมติอนุมัติให้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ทีเอสเอชไอ เอ็นจิเนียริง จำกัด เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจการให้บริการการก่อสร้าง และบริษัท บิ๊ก เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อรองรับการลงทุน การจำหน่ายกระแสไฟฟ้าในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานทดแทนอื่น

2563

  • มกราคม 2563 กิจการร่วมค้า พีเอสที เพาเวอร์ ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีเอสทีซี เอนจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทได้รับหนังสือสนองซื้อ โดยมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าของโครงการ สำหรับโครงการซื้อขายผลิตภัณฑ์พลังงาน เพื่อนำก๊าซธรรมชาติเหลว LNG มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตความร้อนร่วมกับการผลิตไฟฟ้า และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) โดยมีมูลค่างานกว่า 250 ล้านบาท

 

กุมภาพันธ์  2563 

  • ประชุมคณะกรรมการบริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2563 มีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัท เกรย์ฮาวด์ อินเตอร์ เทรด จำกัด เพื่อเสริมสร้างขอบเขตธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงาน ทดแทน

  • บริษัท โรงไฟฟ้าสระยายโสม จำกัด ผู้ดำเนินการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวภาพ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ให้กับการไฟฟ้าภูมิภาคตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า กำลังผลิตรวม 4.6 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

 

กันยายน  2563 

  • บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของบริษัทได้ลงนามในสัญญาสินเชื่อกับสถาบันการเงินซึ่งมิใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 7,800 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินการก่อสร้างคลังน้ำมันและลงทุนในโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • จัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท กิจการร่วมค้า พีเอสที-จีไอที จำกัด เป็นการเสริมสร้างขอบข่ายการดำเนินธุรกิจทางด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เพื่อให้บริการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา

 

ตุลาคม  2563

  • จัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท กิจการร่วมค้า พีอีเอส-อีอาร์เอส จำกัด เป็นการเสริมสร้างขอบข่ายการดำเนินธุรกิจทางด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เพื่อให้บริการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา

  • บริษัทจำหน่ายหุ้นของบริษัท ไบโอกรีน เอนเนอร์ยี 1 จำกัด (“BGE 1”) และบริษัท ไบโอกรีน เอนเนอร์ยี 2 จำกัด (“BGE2 ”) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานชีวมวลเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท

2564

  • กุมภาพันธ์ 2564 บริษัทจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัท นวรัตน์ บีเวอร์เรส จำกัด (“NWR”) จำนวน 55,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11 ของทุนจดทะเบียนคิดเป็นจำนวนเงิน  55,000 บาท ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานชีวภาพ

 

  • มีนาคม 2564 ได้อนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัทอื่นที่ทำให้มีสภาพเป็นบริษัทย่อย ชื่อบริษัท บีจีที โลจิสติกส์จำกัด เพื่อต่อยอดและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจการจำหน่ายเชื้อเพลิง LPG และ LNG ให้บริการขนส่งเชื้อเพลิง LPG และ LNG

 

  • เมษายน 2564 บริษัท จำหน่ายหุ้นของบริษัท ไบโอกรีน เอนเนอร์ยี 3 จำกัด (“BGE 3”) โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน  4,900 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท และ หุ้นบุริมสิทธิจำนวน 5,100 หุ้น มูลค่าหุ้น     ที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานชีวมวล

 

  • มิถุนายน 2564 บริษัท จำหน่ายหุ้นของบริษัท ไบโอโกกรีน จำกัด (“BGG”) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานชีวมวล โดยแบ่งเป็น หุ้นสามัญจำนวน 410,700 หุ้น และ หุ้นบุริมสิทธิจำนวน 427,463 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 20.75 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน

2565

  • วันที่ 5 กันยายน 2565 บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง กลุ่มบริษัท และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) เปิดให้บริการต้อนรับรถบรรทุกน้ำมันคันแรกเข้าสู่คลังน้ำมันขอนแก่น คลังน้ำมันนี้เป็นคลังน้ำมันแห่งใหม่ที่มีความทันสมัย และมีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น บนพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ความจุถังรวม 157 ล้านลิตร และมีท่อขนส่งน้ำมันเชื่อมต่อสถานีคลังน้ำมันที่สระบุรีถึงสถานีคลังน้ำมันที่ขอนแก่นระยะทาง  342 กิโลเมตร ผ่าน 55 ตำบล 18 อำเภอ 5 จังหวัด

 

  • ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 มีการอนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่  2 (“ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ PSTC-W2”) โดยไม่คิดมูลค่า จำนวน 790.6 ล้านหน่วยให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วนการจัดสรรที่หุ้นสามัญเดิม มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท จำนวน 3 หุ้นต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิฯ  PSTC-W2 (3:1) ทั้งนี้ อัตราการใช้สิทธิคือใบสำคัญแสดงสิทธิฯ PSTC-W2 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ได้ 1 หุ้น และราคาใช้สิทธิคือ 2 บาทต่อหุ้น (เว้นแต่ในกรณีมีการปรับสิทธิ) ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ PSTC-W2 มีอายุ 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิฯ PSTC-W2 โดยผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ            จะสามารถใช้สิทธิได้ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ของแต่ละปี โดยวันกำหนดใช้สิทธิครั้งแรกคือวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566

 

  • วันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 บริษัทย่อย 7 แห่ง ได้แก่ บริษัท พีเอสที เอ็มเอสดับบลิว 1 จำกัด บริษัท บิ๊ก เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท วินด์โกกรีน จำกัด บริษัท พีเอสที (อุบลราชธานี) จำกัด บริษัท พีเอสที เอนเนอร์ยี 3 จำกัด บริษัท พีเอสที เอนเนอร์ยี 7 จำกัด และบริษัท พีเอสที เอนเนอร์ยี 8 จำกัด ได้ดำเนินการชำระบัญชีเรียบร้อยแล้ว

2566

  • วันที่ 3 มีนาคม 2566 บริษัทได้ดำเนินการจดจัดตั้ง บริษัทย่อย 1 แห่ง คือ บริษัท พีเอสทีซี 1 จำกัด ทุนจดทะเบียนจำนวน 50 ล้านบาทเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าในธุรกิจพลังงานทดแทน และรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า

 

  • วันที่ 8 สิงหาคม 2566 บริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จํากัด ได้ลงนามในสัญญาจ้างจัดหาและส่งมอบ รวมทั้งออกแบบและลงทุนติดตั้งอุปกรณ์สถานีจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับบริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีระยะเวลาสัญญา 3 ปี 

 

  • วันที่ 15 กันยายน 2566 บริษัทได้ดำเนินการจดจัดตั้ง บริษัทย่อย 1 แห่ง คือ บริษัท พีเอสทีซี 2 จำกัด ทุนจดทะเบียนจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าในธุรกิจพลังงานทดแทน และรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า

 

  • วันที่ 27 ตุลาคม 2566 บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ต จำกัด เปิดให้บริการ “ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” อย่างเต็มรูปแบบ

2567

วันที่ 10 เมษายน 2567

  • ที่ประชุมผู้ถือหุ้น มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 1,359,087,577 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,581,299,720 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 2,940,387,297 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 2,718,175,154 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

  • มีมติอนุมัติการออกเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 3 (“ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ PSTC-W3”) จำนวนไม่เกิน 237,194,958 หน่วย (หรือคิดเป็นร้อยละ 10.00 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ณ วันประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2567 วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 และเมื่อรวมกับจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิและการปรับสิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (“PSTC-W2”) จำนวน 899,680,476 หุ้น รวมเป็นจำนวน 1,136,875,434 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 47.93 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท) เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยไม่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (Preferential public Offering) โดยไม่คิดมูลค่า (ศูนย์บาท) ในอัตราจัดสรร 10 หุ้นสามัญเดิม ต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ       1 หน่วย ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุ 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิจะสามารถใช้สิทธิได้ในวันที่ 29 เมษายนของแต่ละปี โดยวันกำหนดใช้สิทธิครั้งแรกคือวันที่ 29 เมษายน 2568 โดยมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิคือ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ราคาการใช้สิทธิเท่ากับ 0.50 บาทต่อหุ้น (ยกเว้นกรณีมีการปรับราคาใช้สิทธิ)

 

  • วันที่ 17 เมษายน 2567 บริษัท ดำเนินการไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วนก่อนครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ราคาไถ่ถอนหุ้นบางส่วน 414.87 บาทต่อหน่วย ของมูลค่าหุ้นกู้รวมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ทุกราย รวมเป็นเงิน 332,479,808.70 บาท มูลค่าหุ้นกู้คงเหลือ 585.13 บาท ต่อหน่วย

 

  • วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 บริษัท ดำเนินการไถ่ถอนหุ้นกู้ส่วนที่เหลือทั้งหมดก่อนวันครบกำหนดในวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ราคาไถ่ถอนหุ้นกู้ส่วนที่เหลือทั้งหมด  585.13 บาทต่อหน่วยของมูลค่าหุ้นกู้รวมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ทุกราย รวมเป็นเงิน 461,199,466 บาท

 

  • วันที่ 13 กันยายน 2567 บริษัท พีเอสที เอนเนอร์ยี 1 จำกัด (“PSTE 1”) ดำเนินการเข้าซื้อโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Private Rooftop) จำนวน 6 โครงการ มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 3.07 เมกะวัตต์ จากบริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) (“TNDT”) ในราคา 47,996,341.61 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

 

  • วันที่ 17 ธันวาคม 2567 บริษัทดำเนินการจดทะเบียนเลิกบริษัทย่อย จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท โกลบอล โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (“GSE”) บริษัท พีเอสทีซี1 จำกัด (“PSTC 1”) บริษัท พีเอสทีซี2 จำกัด (“PSTC 2”) และบริษัท ไบโอกรีน เอนเนอร์ยี 2 จำกัด (“BGE 2”) ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 8/2567 ประชุมเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เนื่องจากบริษัทดังกล่าว   ไม่มีการดำเนินงานในปัจจุบัน อีกทั้งบริษัทยังไม่มีแผนที่จะใช้ประโยชน์จากบริษัทดังกล่าวในอนาคต